จะว่าไปวงการพระเครื่องเป็นธุรกิจที่ ปราบเซียนและเข้าใจได้ยากสำหรับหลายๆคน เพราะเป็นวงการที่ไม่มีการกำกับดูแล ไม่มีกฏเกณฑ์กติกา ไม่มีราคาที่แน่ชัด และไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน ทุกอย่างล้วนอยู่บนพื้นฐานของความพอใจของผู้ซื้อ ผู้ขายทั้งสิ้น นับว่าเป็นธุรกิจที่อินดี้มากทีเดียว
ทั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าตกใจกับเงินที่ หมุนเวียนในวงการพระเป็นอย่างมาก โดยศูนย์วิจัยกสิกรคาดการว่าเงินที่หมุนเวียนในวงการพระ เครื่องต่อปีมีมูลค่าสูงถึง 4หมื่นล้านบาท (นี้ยังไม่รวมเงินหมุนเวียนกับธุรกิจที่เกี่ยวข้องเช่น ตลับทอง สร้อยพระ หนังสือพระ ธุรกิจเลี่ยมพระ และอื่นๆอีกมากมาย) ซึ่งมูลค่าพอๆกับอุตสาหกรรมซอฟแวร์ไทยเลยทีเดียว
อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้มูลค่าวงการพระสูงขนาดนี้?
สังคมไทยกับพระเครื่องอยู่ด้วยกันมาอย่างยาวนานแล้ว ตั้งแต่เริ่มรับพระพุทธศาสนาเข้ามาในประเทศไทยเมื่อประมาณ พ.ศ. 236 พระเครื่องเป็นสื่อสัญลักษณ์ ของชาวไทยที่นับถือพระพุทธศาสนา และพระเครื่องยังเป็นทั้งตัวแทนในการระลึกถึงพระพุทธเจ้าและพระธรรมคำสั่ง สอนของท่านอีกด้วย แต่ในอดีต คนไทยเชื่อในพระเครื่องในฐานะที่เป็นของที่ควรเคารพแบบอนุสาวรีย์ ในยุคนั้นจึงสร้างพระบรรจุไว้ตามกรุเจดีย์ เพื่อหวังที่จะเป็นอานิสงส์ให้ผู้สร้างรุ่งเรืองในชาติหน้า และจะได้เป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองสืบไปและนั้นเป็นที่มา ของพระกรุ
วันเวลาผ่านไป เจดีย์อาจมีการทรุดโทรม ปลักหักพังลงมา ทำให้พระที่บรรจุภายในหลุดรอดออกมาได้ หรือที่เรียกว่า กรุแตก นั้นเอง และต่อมาพระกรุได้ถูกแปรเปลี่ยนให้ติดตัวไว้ปกป้องคุ้มครองภัยอันตรายต่างๆ จากศึกสงครามในยุคนั้น จวบจวนเมื่อพระกรุเริ่มหายากขึ้น สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือการเกิดขึ้นของพระเกจิอาจารย์ หลวงพ่อ หลวงปู่ ที่ประชาชนนับถือและให้ความศรัทธาเลื่อมใสในวัตรปฏิบัติ มาสร้างพระให้เป็นเครื่องรางในรูปจำลองพระประธานสำคัญๆ หรือรูปหลวงพ่อที่คนเคารพนับถือ ซึ่งพระเครื่องเหล่านี้เหมาะแก่การติดตัวไปยังสถานที่ต่างๆ เพราะเพียงแค่อธิษฐานจิต สวดขอความคุ้มครองก็เพียงพอ และอยู่ในลักษณะที่พร้อมใช้ ซึ่งดูเหมาะกับสังคมที่วุ่นวาย เร่งรีบ และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน
แม้ในปัจจุบันซึ่งไม่มีภาวะศึกสงครามอีก แล้ว แทนที่ความนิยมพระเครื่องจะลดน้อยลง พระเครื่องกลับได้รับความนิยมเลื่อมใสมากยิ่งขึ้น เพราะสังคมปัจจุบันอยู่ในภาวะต้องดิ้นรนขวนขวายมากขึ้น การแข่งขันสูง ภาวะเศรษฐกิจ ภาวะการเมือง ที่ทำให้ประชาชนแทบทุกชนชั้นวรรณะเกิดความไม่มั่นคงในวิถีการดำเนินชีวิตของ ตัวเอง พระเครื่องจึงเป็นที่พึ่งและศรัทธาทางจิตใจ เป็นสัญลักษณ์แห่งความศักดิ์สิทธิ์และพุทธคุณที่จะดลบันดาลในสำเร็จในทุกๆ สิ่ง
จากที่กล่าวมา ความศรัทธานั้นแหละมั้งครับ ที่เป็นคำตอบว่าทำไมวงการนี้จึงได้รับความนิยมไม่มีเสื่อมหาย แต่สิ่งที่จะทำให้วงการพระขยายตัวได้มากขึ้นกว่านี้ ให้เป็นที่ยอมรับประหนึ่งว่าเป็นอุตสาหกรรมอย่างหนึ่งของไทย ทางพระเกิจของเสนอแนวทางดังนี้ คือ
1. การยกระดับมาตรฐานความน่าเชื่อถือในวงการนี้เพื่อทำให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
ต้องยอมรับเลยว่า ตอนที่เริ่มดูพระใหม่ๆ รู้สึกว่าวงการนี้น่ากลัว ดูมีการขัดแย้งผลประโยชน์บ่อยๆ พระเก๊เยอะ กลัวโดนหลอก…นั้นเพราะว่ามาตราฐานความน่าเชื่อถือยังน้อยนัก เมื่อเทียบกับวงการอื่นๆ เช่นวงการศิลปะ วงการของเก่าวัตถุโบราณ วงการพระต้องสร้างมาตราฐานให้สูงขึ้น มีความชัดเจน การซื้อ-ขายทางออนไลน์ต้องมีการยืนยันตัวตนเจ้าของพระแน่นอน มีบทลงโทษที่บังคับใช้ได้จริง สร้างองค์ความรู้ให้คนยุคใหม่ให้มีโอกาศเข้าใจได้ง่ายขึ้น
2. มีการกำหนดมาตรฐานที่มีความเป็นสากล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การประกวดพระ ต้องมีสมาคมหรือองค์กร ตรวจสอบให้ชัดเจน อย่าปล่อยให้ประกวดพระจนมั่วเพื่อหวังชุบตัวพระเก๊ให้เป็นพระแท้ หรือ ตามเวปต่างๆที่รับออกใบประกันพระ ทั้งที่เป็นพระเก๊ โดยหวังเพียงเพื่อเงินค่าออกใบประกันเท่านั้น
3. ลดระดับความงมงายที่ไร้เหตุผล และไสยศาสตร์
พระเครื่องซึ่งถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ ระลึกถึงศาสนาพุทธ เป็นเครื่องเตือนใจให้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ และปกป้องคุ้มครองเราจากอันตราย ด้วยพุทธคุณของหลวงพ่อที่เรานับถือ เพื่อให้ศาสนาได้ดำรงอยู่ แต่ปัจจุบัน ถูกบิดเบือนจากผู้แสวงหาผลกำไรมากเกินไป สร้างเรื่องราวเหนือธรรมชาติจนเกินจริง จนถูกมองจากคนภายนอกว่าเป็นเรื่องงมงาย นั้นก็เป็นการยากที่จะทำให้คนยุคใหม่หรือคนต่างชาติ มาสนใจเพิ่มขึ้น
หากเราคอยกำกับดูแลวงการนี้อย่างชัดเจน สิ่งเหล่านี้จะทำให้ตลาดขยายวงกว้างขึ้นมาก และเป็นการรักษาวัฒนธรรมของการห้อยพระเครื่องเพื่อสืบทอดศาสนาต่อไปด้วย
ตอนนี้เนื้อหาอาจจะหนักนิดนึงและอาจจะ นอกเรื่อง ตอนหน้ามาแน่นอนครับ แนวทางการสะสมพระเครื่องแบบการลงทุนสายขาว (การลงทุนแบบสายขาว คือ เก็บสะสมพระเครื่องด้วย การศึกษาหาความรู้ ศรัทธา หาแนวโน้มราคาพระอย่างเหมาะสม ไม่โกง ไม่หลอก / สายดำ คือ การเก็บพระและปั่นราคา ชุบตัวพระเก๊เป็นพระแท้ ทำพะรเก๊ขาย หวังรวยอย่างเดียวโดยไม่สนใจอะไร อย่างนี้พระเกจิดอทคอมไม่ส่งเสริมอย่างยิ่งครับ) ติดตามให้ได้ครับ